.
“นมแม่ทำให้ความผูกพันระหว่างแม่และลูกเพิ่มขึ้น
ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้ของลูก
สามารถลดน้ำหนักคุณแม่หลังคลอด ให้หุ่นสวยเหมือนเดิม
และยังทำให้การเงินของครอบครัวดีขึ้นด้วยครับ”
.
จากบทที่แล้วเราเรียนรู้เรื่องกำเนิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไปแล้ว(คลิกที่นี่เพื่ออ่านกำเนิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) ได้รู้ถึงการพัฒนาของสิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงลูกด้วยนมไปแล้ว และหมอยังทิ้งคำถามไว้ในตอนท้ายว่า ทำไมมนุษย์จึงเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่กินนมของสัตว์อื่น บทนี้หมอจะเล่าให้ฟังครับว่า ทำไมมนุษย์ถึงได้กินนมของสัตว์อื่น และ นมแม่กับนมวัวนั้น ต่างกันอย่างไร
เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมมนุษย์ถึงกินนมของสัตว์อื่น? ถ้าจะกล่าวไปถึงจุดเริ่มต้นที่ชัดเจนคงต้องย้อนไปในอดีตและความเป็นธรรมชาติของมนุษย์เราครับ
รู้กันดีว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์ที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกิน เรากินทั้งพืชและสัตว์ เพราะร่างกายและอวัยวะภายในของเราออกแบบมาแบบนั้นจริงๆครับ ซึ่งการกินสัตว์อื่นเป็นอาหารนั้น เราไม่ได้กินเฉพาะเนื้อ แต่เรากินทุกส่วนที่ไม่เป็นพิษ อาจจะฟังดูน่ากลัวครับ แต่หมอว่าเราต้องเข้าใจธรรมชาติของตัวเรา
และแน่นอนว่า “นม” ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์อย่างเรานำมาดื่มกินเพื่อสร้างพลังงานครับ
เมื่อเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม และ ทุนนิยม มีการค้าขาย มีเศรษฐกิจ มีการหารายได้จากการค้าขาย จึงเริ่มมีการ “เลี้ยงสัตว์เพื่อเก็บเอาน้ำนม” เพื่อเอาน้ำนมนั้นไปขายสร้างรายได้ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนของการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบันครับ
ด้วยการตลาด การโฆษณา สร้างความเชื่อและภาพลักษณ์ที่สวยงามเกี่ยวกับน้ำนมจากสัตว์ต่างๆ ทำให้การกินนมของสัตว์อื่นนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดา และ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันครับ
ทำไมต้องนมวัวหล่ะ? นมแพะ นมควาย นมลิง ไม่ได้เหรอครับ คำตอบคือ เพราะวัวเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายและให้น้ำนมเยอะที่สุด และสามารถให้นมได้หลายเดือน ตัวละหลายสิบลิตรต่อวัน ใช้ต้นทุนในการเลี้ยงต่อน้ำนมที่ได้รับต่ำที่สุด พูดง่ายๆว่า “กำไรเยอะที่สุดครับ” ทำไมหมอรู้เรื่องนี้เหรอครับ
คนนี้เป็น “ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและทดสอบพันธุ์สัตว์” ผู้ช่ำชอง เรื่องสัตว์เศรษฐกิจต่างๆ ชื่อว่า “ปิยศักดิ์ สุวรรณี” ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย พ่อของหมอเองครับ และหมอก็คลุกคลีกับสัตว์ต่างๆเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กจนโต จึงได้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์เศรษฐกิจเหล่านี้ การลดต้นทุน การจัดการคุณภาพในการเลี้ยง รวมถึงการจัดเก็บและแปรรูปผลิตภัณฑ์ครับ
สรุปได้ง่ายๆว่า ที่มนุษย์เราได้เริ่มกินนมวัวแทนนมแม่นั้นมาจาก “การตลาด” เป็นหลักครับ
ทีนี้ถึงเวลาเปรียบเทียบนมแม่กับนมวัวกันครับ
เรื่องโภชนาการหมอขอสรุปไว้คร่าวๆว่า ระดับสารอาหารในนมแม่และนมวัวนั้น แตกต่างกัน เพราะความจำเป็นของลูกคนและลูกวัวนั้นแตกต่างกัน นมแม่มีสารอาหารที่พอเหมาะและจำเป็นต่อลูก แต่นมวัวนั้น บางอย่างเยอะไป บางอย่างน้อยไป และการย่อยโปรตีนจากนมวัวนั้นยากกว่าการย่อยนมแม่พอสมควรเลยทีเดียวครับ มาดูประโยชน์ในการกินนมแม่ที่มีมากกว่านมวัวกันดีกว่าครับ
ประโยชน์ต่อลูก
- ระบบสมอง โอกาสเพิ่มระดับ IQ 3.16 จุดในทารกครบกำหนด และ 5.26 ในทารถเกิดก่อนกำหนด
- สายตา พัฒนาการมองเห็น ทำให้สายตาคมชัดขึ้น
- ช่องปาก กรามล่างแข็งแรง ฟันเกน้อยลงเมื่อโตขึ้น
- ระบบทางเดินหายใจ ลดโอกาสติดเชื้อทางเดินหายใจ ปอดบวม หอบหืด
- ระบบทางเดินอาหาร ลดโอกาสเกิดโรคท้องเสีย และ ลำไส้อักเสบ
- ผิวพรรณ ลดโอกาสเกิดภูมิแพ้ผิวหนัง
- ไต ลดภาระการขับของเสียทางไต และ ลดโอกาสการติดเชื้อ
- ระบบภูมิคุ้มกัน พัฒนาดีขึ้น เพราะสารภูมิคุ้มกันที่มีในน้ำนมแม่
ประโยชน์ต่อแม่
- ช่วยลดน้ำหนัก เนื่องจากใช้พลังงาน และ สารอาหารในร่างกายมาสร้างน้ำนม
- ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น เพราะฮอร์โมนที่กระตุ้นการการดูดนม
- ช่วยคุมกำเนิด เพราะการดูดนมจะกระตุ้นสมอง ยับยั้งระบบสืบพันธุ์
- ประหยัดเงิน เพราะไม่ต้องซื้อนมผง
มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมองพัฒนาถึงขั้นสูง ทำให้เราสร้างกฎเกณฑ์ วัฒนธรรม ความเชื่อต่างๆนานา มากำหนดวิถีชีวิตให้เราเบี่ยงเบนจากธรรมชาติของเราเอง เมื่อธรรมชาติถูกปรุงแต่ง ร่างกายเสียสมดุล โรคภัยต่างๆจึงเกิดขึ้น
เด็กสมัยนี้ป่วยเยอะกว่าสมัยก่อน เพราะเราเองที่ฝืนธรรมชาติ จะโทษใครไม่ได้ครับ ต้องช่วยกันแก้ แก้ให้กลับสู่ธรรมชาติที่สมดุลเหมือนเดิม “นมแม่ดีที่สุด” หมอยังยืนยันคำเดิม ด้วยความห่วงใยนะครับ
ใครมีคำแนะนำหรือประสบการณ์เกี่ยวกับนมวัวและนมแม่สามารถแชร์ หรือ ส่งต่อที่ข้อความด้านล่างได้นะครับ
.
.
ด้วยความรัก
Series นมแม่ :
ตอนที่ 1 กำเนิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม